คำตอบจากคุณหมอฆริกานต์ ในงานเสวนา “พลิกมุมมองใหม่เพื่อรับมือกับโรคมะเร็ง” ครั้งที่ 7 ที่รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
“จริงๆ
แล้วเซลล์มะเร็งก็เหมือนเป็นเซลล์หนึ่งในร่างกายค่ะ
ยาเคมีบำบัด ที่เขานำมาใช้กับคนไข้
เป้าหมายหลักคือ
เพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งออกไป แต่มันอาจจะมีผลบางส่วนที่กระทบกับร่างกายเรา
เช่น เรื่องระบบภูมิคุ้มกัน
ซึ่งช่วงที่คนไข้ให้เคมีบำบัด
เป็นช่วงที่ภูมิคุ้มกันบางตัวจะถูกกดไปด้วย
ทำให้มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ง่าย
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา
เป็นสาเหตุหลักเลยที่ทำให้คนไข้โรคมะเร็ง
ไม่ว่าจะระยะไหนก็ตามต้องเข้ารับการรักษาตัวใน
icu
เพราะมีการติดเชื้อแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นภายหลังจากการรักษาต่างๆ
โดยที่มีวิธีสังเกตอาการได้ที่จะช่วยป้องกันไม่ให้การติดเชื้อรุนแรงมากได้
เช่นการสังเกต
1.
อุณหภูมิร่างกาย
ถ้าเราผ่าตัดมา
คนไข้ควรจะมีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ
แล้วอยู่ๆ วันหนึ่งเรารู้สึกปวดแผล
มีไข้ ก็เป็นสัญญาณหนึ่งว่า
ผิดปกติ กรณีที่คนไข้ไม่ได้ผ่าตัด
ให้ยาเคมีบำบัดทั่วไป
ก็จะสังเกตได้จาก ไข้ โดยทั่วไป
คนที่ภูมิคุ้มกันต่ำจะไม่ค่อยมีไข้
ถ้ามีไข้ขึ้นมาถือว่าผิดปกติเช่นกัน
ในทางแพทย์ถ้าอุณหภูมิร่างกายเกิน
37.8
จะต้องเริ่มเฝ้าระวังว่าเราจะอาจจะมีอาการติดเชื้อแทรกซ้อนอยู่
2.
ลักษณะการหายใจ
สมมุติมีอาการหายใจเร็วหรือหายใจเหนื่อยหอบ
ซึ่งบางทีคนไข้อาจจะไม่รู้ตัว
แต่ว่าคนรอบข้างที่เป็นผู้ดูแลจะเป็นคนสังเกต
อย่างเช่น เดิมเราเป็นคนพูดได้จบประโยค
พูดเร็วๆ ไม่เหนื่อยเลย
อยู่มาวันหนึ่งพูดได้ 2-3
คำก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว
อันนี้ก็บ่งบอกได้ว่า
การหายใจเราอาจจะมีปัญหา
3.
ระดับความรู้สึกตัว
คนไข้มีอาการซึมลง ไม่ตอบสนอง
หรือมีเลือดออกผิดปกติ
ปัสสาวะออกน้อยลง
เหล่านี้ก็เป็นอาการที่ควรเฝ้าระวังที่อาจจะต้องเข้าโรงพยาบาล
”