เคมีบำบัดรักษามะเร็งได้อย่างไร

โดย ศ.นพ.อิศรางค์ นุชประยูร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

ยาเคมีบำบัด ภาษาอังกฤษ คือ Cytotoxic Chemotherapy หมายถึง ยาที่มีฤทธิ์ในการทำลายเซลล์ เซลล์มะเร็งเป็นเซลล์ที่สามารถแบ่งตัวไม่สิ้นสุด หยุดไม่ได้ ดังนั้นการทำให้มะเร็งหายขาดวิธีหนึ่งที่ได้ผลคือ ให้ยาพิษเพื่อฆ่าเซลล์ที่ผิดปกติเหล่านี้ให้ตายหมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว แล้วจึงหยุดยา มะเร็งก็จะไม่มีทางกลับมาอีก

แม้ว่าเซลล์ปกติจะต้องโดนยาพิษไปด้วยบ้าง แต่ยาพิษก็ไม่ได้ทำอันตรายทุกเซลล์ เซลล์ที่แบ่งตัวตลอดเวลา เช่น เซลล์เม็ดเลือด เซลล์สร้างเส้นผม เซลล์เยื่อบุช่องปาก ก็มักจะได้รับพิษมากกว่าเซลล์ที่ไม่ค่อยแบ่งตัว เช่น เซลล์ประสาท เซลล์สร้างกระดูก ผู้ที่ได้รับยาเคมีบำบัดบางชนิด จึงมีผลข้างเคียง เช่นเม็ดเลือดต่ำ ผมร่วง ปากเป็นแผล ยาเคมีบำบัด แต่ละอย่างมีผลข้างเคียงแตกต่างกันออกไป และผลข้างเคียงก็มิได้เกิดกับทุกคน บางอย่างเกิดขึ้นบ่อย บางอย่างเกิดขึ้นนาน ๆ ครั้ง ไม่มีความแน่นอนเท่าใดนัก

ยาเคมีบำบัด ฆ่าเซลล์มะเร็งได้ โดยการทำให้เกิดความผิดพลาดในการสร้างดีเอ็นเอ เซลล์ทั่งหลายจะต้องสร้างดีเอ็นเอโดยการลอกแบบเป็นสองชุดเสียก่อน จึงจะแบ่งตัวได้ เนื่องจากเซลล์มะเร็งที่แบ่งตัวบ่อยมาก เมื่อเทียบกับเซลล์ปกติ การให้ยาพิษต่อดีเอ็นเอ จึงทำให้เซลล์มะเร็งได้รับยาพิษมากกว่าเซลล์ปกติ เมื่อเซลล์มะเร็งโดนยาพิษตายก้อนมะเร็งก็ค่อย ๆ เล็กลงตามลำดับ ถ้าเราให้ยาพิษที่เหมาะสม มากพอ และนานพอ เซลล์มะเร็งก็น่าจะตายหมด โดยที่ร่างกายของเรายังรอดอยู่

เซลล์มะเร็งเป็นเซลล์ที่เกิดจากความผิดพลาดของข้อมูลในดีเอ็นเอ ทำให้แบ่งตัวไม่หยุด การแบ่งตัวแต่ละครั้งก็เพิ่มความผิดพลาดในดีเอ็นเอ ดังนั้นในก้อนมะเร็ง​ซึ่งมีเซลล์มากกว่าพันล้านเซลล์ ทุกเซลล์จึงไม่เหมือนกันทีเดียวนัก จะมีเซลล์มะเร็งที่ดื้อยาเคมีบำบัดไม่ว่าจะชนิดใด ปะปนอยู่เสมอ หากการให้เคมีบำบัดฆ่ามะเร็งได้ เซลล์ใดที่ไวต่อยาก็ตายไป แต่เซลล์ที่ดื้อยาก็จะรอด แม้จะมีเพียงหนึ่งในพัน หรือหนึ่งในหมื่น แต่ในที่สุดเซลล์ดื้อยาก็จะแบ่งตัวกลับมาเป็นก้อนได้เท่าเดิมหรือมากกว่าเดิมตามเวลา การรักษามะเร็งแต่ละชนิดจึงต้องให้ยามากกว่า 1 ชนิดพร้อมกัน เรียกว่า สูตรยา หรือ “โปรโตคอล”

แม้ว่าจะมีผลเสีย ผลข้างเคียง และปัญหาการดื้อยา แต่การให้ยาเคมีบำบัด ก็สามารถรักษามะเร็งให้หายขาดได้จริง ยากตัวอย่างเช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว ชนิด “ALL” (Acute Lymphoblastic Leukemia) ในเด็ก ในปัจจุบัน สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาเคมีบำบัด ถึงร้อยละ 85 แต่ความสำเร็จนี้มิได้มาง่าย ๆ เด็กที่เป็นมะเร็งชนิดนี้จำเป็นต้องได้รับยาเคมีบำบัดถึง 8 ชนิด สลับกันไปมาในระยะเวลา 3 ปี มีทั้งกิน ฉีดเข้าเส้น ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง และฉีดเข้าน้ำไขสันหลัง ฉีดในโรงพยาบาลบ้าง กินเองที่บ้านบ้าง แต่ไม่ต้องผ่าตัด หรือฉายรังสี และ การหายขาด หมายความว่า เมื่อรักษาครบ 3 ปีแล้วก็หยุดยาทั้งหมด มะเร็งไม่กลับมาอีกเลย เด็กเหล่านี้สามารถเรียนหนังสือ เล่นกีฬา เล่นสนุกสนาน ไม่ต้องกินยาใด ๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ใช้ชีวิตได้ไม่ต่างจากเด็กปกติเลย

แต่ยาเคมีบำบัดไม่สามารถรักษามะเร็งได้ทุกชนิด ยาเคมีบำบัดแต่ละชนิดฆ่าเซลล์​มะเร็งได้เพียงบางอย่าง ถ้าให้ยาชนิดใดแล้วเซลล์มะเร็งไม่ตาย เรียกว่า มะเร็งดื้อยาเคมีบำบัด อันที่จริง มะเร็งส่วนใหญ่ในผู้ใหญ่ ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาเคมีบำบัดเพียงอย่างเดียว ผู้ที่จะหายขาดจากมะเร็งได้ มักจะมีก้อนขนาดเล็กผ่าตัดออกได้หมด ตามด้วยการฉายรังสี ตามด้วยยาเคมีบำบัดสูตรที่ดีที่สุดสำหรับมะเร็งชนิดนั้น

วงการแพทย์ได้ทำการวิจัยเพื่อค้นหาว่ายาใดบ้าง รักษามะเร็งชนิดใดได้ผลบ้าง หลังจากทำการวิจัยอย่างเป็นระบบในผู้ป่วยหลายร้อยหลายพันคนในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา จึงสามารถสรุปได้ว่า สูตรยาอะไร ดีที่สุดสำหรับมะเร็งชนิดใด เมื่อมีผู้ป่วยเป็นมะเร็งชนิดหนึ่ง แพทย์จึงนำเสนอสูตรที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ป่วย ซึ่งมักเป็นสูตรที่มีโอกาสทำให้หายขาดมากที่สุด หรือถ้าไม่หายก็ทำให้มีโอกาสยืดชีวิตได้นานกว่าสูตรอื่น

สูตรยาที่ดีที่สุดในการรักษามะเร็งแต่ละชนิด ไม่เหมือนกัน และสูตรยาสำหรับมะเร็งระยะแรก ก็ต่างจากระยะลุกลาม ดังนั้นประสบการณ์ของผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งคนละชนิด จึงไม่สามารถเทียบเคียงกันได้ การรักษาจะเหมือนใกล้เคียงกันถ้าเป็นผู้ป่วยเป็นมะเร็งชนิดเดียวกันและระยะเดียวกัน