มะเร็งกระเพาะอาหารในประเทศไทยมีอุบัติการณ์ประมาณ 1,000 รายต่อปี หรือพบเป็นอันดับ 8 ของมะเร็งทั้งหมด โดยมีปัจจัยเสี่ยงได้แก่ การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา การติดเชื้อ เฮลิโคแบคเตอร์ ไพลอริ โดยผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายโรคกระเพาะอาหาร เรื้อรังคลื่นไส้อาเจียนน้ำหนักลด ถ้าอาการเป็นมากขึ้นอาจมีอาเจียนเป็นเลือดหรือถ่ายดํา จนกระทั่งมีอาการซีด อ่อนเพลีย หน้ามืดวิงเวียนได้
การวินิจฉัย
ทําโดยการกลืนแป้งเพื่อเอกซเรย์ดูผิวกระเพาะหรือการส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนต้น
ซึ่งทั้งสองวิธีจะตรวจพบผิวกระเพาะขรุขระเป็นแผลหรือมีการหนาตัวขึ้นผิดปกติ
บางครั้งรอยโรคอาจแยกกับแผลโรคกระเพาะทั่วไปได้ยาก
การส่องกล้องและส่งตัวอย่างชิ้นเนื้อเยื่อผิวกระเพาะเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยาจึงจําเป็นเพื่อให้ได้การวินิจฉัยที่ถูกต้องและรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
สําหรับประชาชนทั่วไปที่มีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวข้างต้น
แม้จะยังไม่มีอาการก็ควรได้รับการส่องกล้องเพื่อเป็นการตรวจคัดกรอง
(Screening
test)
ซึ่งหากพบมะเร็งกระเพาะอาหารระยะเริ่มแรกสามารถทําการรักษาโดยการส่องกล้องซึ่งได้ผลดี
มีผลแทรกซ้อนต่ำ
และหวังผลหายขาดได้ดังจะกล่าวต่อไป
การประเมินก่อนการรักษา
เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร
การประเมินเพื่อจะทําการรักษาประกอบด้วยการประเมินสภาพร่างกายทั่วไป
และประเมินสภาพของเนื้องอก
การประเมินสภาพร่างกายทั่วไปประกอบด้วยการตรวจเช็คความแข็งแรงของการทํางานของหัวใจและปอด
การตรวจเช็คเลือดทั่วไปและระดับสารอาหารในร่างกาย
ซึ่งจะมีผลต่อการรับการผ่าตัดและการให้ยาเคมีบําบัด
การประเมินระยะของมะเร็งเพื่อดูระยะการลุกลามของเนื้องอกที่ผนัง
กระเพาะและต่อมน้ำเหลืองที่อยู่รอบๆ
กระเพาะจนกระทั่งการกระจายในช่องท้อง
โดยใช้การตรวจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์
การรักษา
การรักษาผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารจะแตกต่างกันไป
ขึ้นอยู่กับระยะของเนื้องอก
ซึ่งประกอบด้วยความลึกของเนื้องอก
การกระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองรอบๆ
กระเพาะ
และการกระจายไปอวัยวะที่ห่างจากกระเพาะ
มะเร็งกระเพาะอาหารระยะต้นหรือระยะที่
1
คือมะเร็งที่กินลึกเพียงชั้นผิว
ไม่ลึกถึงกล้ามเนื้อกระเพาะ
ซึ่งเนื้องอกระยะนี้พบน้อยในประเทศไทย
เนื่องจากผู้ป่วยมักไม่มีอาการ
และประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับการตรวจคัดกรอง
ประชาชนกลุ่มเสี่ยงได้แก่ผู้ที่ดื่มสุราและสูบบุหรี่มาเป็นเวลานาน
ผู้ป่วยที่เป็นโรคกระเพาะเป็นๆ
หายๆ หรือรักษาโรคกระเพาะเต็มที่แล้วไม่ดีขึ้น
โดยเฉพาะผู้ที่อายุมากกว่า
40
ปีขึ้นไป
เนื่องจากมะเร็งกระเพาะอาหารระยะเริ่มแรก
มีโอกาสกระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองต่ำ
ดังนั้นการรักษามะเร็งในระยะนี้สามารถทําได้โดยการตัดเพียงเนื้องอกที่ผิวกระเพาะ
โดยการส่องกล้องจึงเพียงพอและสามารถหวังผลหายขาดได้
มะเร็งกระเพาะอาหารระยะที่
2
และ
3
หรือมะเร็งระยะลุกลาม
คือระยะที่มะเร็งมีความลึกไปถึงชั้นกล้ามเนื้อหรือผิวด้านนอกของกระเพาะอาหาร
มะเร็งที่มีความลึกระดับนี้จะมีโอกาสกระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองมากขึ้น
การรักษาหลักคือ
การผ่าตัดกระเพาะอาหารเอาส่วนที่เป็นมะเร็ง
และเลาะต่อมน้ำเหลืองที่อยู่แวดล้อมกระเพาะอาหารออก
ร่วมกับการให้ยาเคมีบําบัดหลังผ่าตัด
มะเร็งกระเพาะอาหารระยะที่
4
หรือมะเร็งระยะสุดท้าย
คือมะเร็งที่มีการกระจายออกไปยังอวัยวะที่ห่างจากกระเพาะ
หรือไม่ได้ติดต่อกับกระเพาะอาหารโดยตรง
การรักษามะเร็งในระยะนี้
แม้จะตัดกระเพาะ เลาะต่อมน้ำเหลือง
ให้ยาเคมีบําบัดต่อ
ก็มักไม่ได้เพิ่มความยืนยาวของอายุผู้ป่วยแต่อย่างใด
แนวโน้มจึงเป็นการรักษาเพื่อการประคับประคองให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในช่วงสุดท้ายของชีวิต
ความรู้ที่สําคัญ
การตรวจคัดกรองมะเร็งกระเพาะอาหารระยะเริ่มแรกมีความสําคัญมาก
หากพบว่ามีปัจจัยเสี่ยงหรือ
มีอาการโรคกระเพาะอาหารเรื้อรังเกิน
2
เดือน
อาจจะมีน้ำหนักลด
หรือมีลักษณะบ่งชี้ว่ามีเลือดออกในทางเดินอาหาร
ควรมารับการตรวจคัดกรองมะเร็งกระเพาะอาหาร
เพราะหากตรวจพบในระยะเริ่มแรก
การรักษาก็จะได้ผลดีมีผลแทรกซ้อนต่ำ
และหวังผลหายขาดได้
อ.ดร.นพ.จิรวัฒน์ สว่างศรี
ภาควิชาศัลยศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล