ในมุมของคนทั่วไปโลกคงเต็มไปด้วยความหลากหลายที่ดำเนินไปด้วยความหวัง แต่ข้อเท็จจริงก็คือ ไม่ใช่ทุกคนจะพบกับความสมหวังนั้น บางทีปัญหาชีวิตก็เกิดขึ้นขวางเส้นทางฝันอันสวยงาม บางคนท้อถอย แต่บางคนผันวิกฤติปัญหานั้นให้กลายเป็นโอกาสสำคัญของชีวิต นี่คืออีกมุมหนึ่งจาก อทิตา บุญประสิทธิ์ (เบนซ์) ผู้ป่วยมะเร้งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้ายกับที่มาของ “มะเร็งคือโลกสีรุ้งของฉัน”
“ตอนแรกรู้สึกปวดท้องมากเข้าใจว่าเป็นไส้ติ่ง แต่เมื่อไปตรวจและทำอัลตร้าซาวด์แล้วปรากฏว่าเป็นที่ไต ซึ่งมีเลือดออกมากจึงต้องทำการผ่าตัดเอาไตออกไปข้างหนึ่ง เสียไตไปข้างหนึ่งเลย ตอนแรกก็ไม่รู้นะคะว่าเป็นมะเร็ง จนกระทั่งได้ผลชิ้นเนื้อจึงรู้ว่าเป็น ก็รู้สึกดาวน์นะคะ ไม่มีใครที่ได้รับคำคำนี้แล้วจะรู้สึกดีหรอกเนอะ เกิดคำถามมากมาย ชีวิตเปลี่ยนทันที คือคนเราก็อยากใช้ชีวิตปกติเหมือนคนอื่น ๆ ทั่วไป ในวัย 30 กว่ามีครอบครัว อยากจะประสบความสำเร็จ มีเงินเก็บ มีลูกที่น่ารัก แต่พอรู้ว่าเป็นมะเร็งโลกมันมืดไปเลย เพราะจากข่าวสารที่รับรู้เกี่ยวกับคนที่เป็นโรคนี้ก็มักจะเป็นด้านลบ”
ตัวเบนซ์เองก็มักมองโลกในแง่ลบ แต่มะเร็งทำให้เธอกลับมามองโลกในแง่บวกได้
“พื้นเพเป็นคนมองโลกแง่ลบมาก จริง ๆ ไม่ได้มองโลกแง่บวกเลย แต่เมื่อตั้งสติได้ รวมทั้งคำพูดให้กำลังใจจากครอบครัวและแฟนทำให้รู้สึกยังมีความหวัง จึงตัดสินใจทำการรักษา แล้วก็พบกับสิ่งดี ๆ เข้ามา เจอคุณหมอดี เจอเพื่อนดี มีมิตรภาพที่ดี ได้รับคำแนะนำจากคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยในยามที่ท้อ การให้ยาบางครั้งก็มีอาการแทรกซ้อน แต่เพราะกำลังใจของคนเหล่านี้เราก็กลับมาคิดบวกได้”
มิตรภาพเป็นสิ่งสำคัญและมีรูปแบบแตกต่างกันไป ทั้งในยามที่เราปกติและยามที่เราป่วยไข้
“ก่อนหน้านี้คนที่เข้าหาเราก็มักคิดถึงแต่ผลประโยชน์ แต่หลังจากรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็ง กลับเป็นความจริงใจ เมื่อเราเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือ เขาก็พร้อมจะสละเวลามาทันที สิ่งที่สัมผัสได้คือความหลากหลายของความดี สีสันโลกเปลี่ยนไปเหมือนโลกสีรุ้ง มีทั้งเสียงหัวเราะ ความคิดดี ๆ ความเป็นห่วงเป็นใย มีทั้งน้ำตา และรอยยิ้ม ดูเหมือนทุกสิ่งจะมีทางออกของมัน และดีขึ้นเรื่อย ๆ การเสียเวลากับความท้อถอยไม่ได้ช่วยอะไรเลย”
เบนซ์พบว่าตัวเองเป็นมะเร็งเมื่อปี 2561 แต่ที่จริงมีอาการมาก่อนหน้านั้น 3 ปีแล้ว และหนึ่งปีหลังจากทำการรักษาก็มีทิศทางบวกมาตลอด
“เหมือนที่เขียนลงในเฟสบุ๊คค่ะว่า เรากำลังให้คีโมครั้งสุดท้าย แล้วก็มีอาการปวด เชื้อแพร่กระจายไปที่ท้อง แล้วพบว่ามะเร็งดื้อยาโดยที่เราไม่รู้ตัว เราจำเป็นต้องใช้ยามุ่งเป้า (Targeted Gene Teraphy คือยาที่ใช้รักษาให้ตรงกับเชื้อมะเร็งเฉพาะ เช่น มะเร็งปอด, มะเร็งต่อมน้ำเหลือง, มะเร็งไต, มะเร็งลำไส้ใหญ่ ฯลฯ) ซึ่งทำให้ต้องปรึกษาคุณหมอหลายท่านเพื่อเอาคำแนะนำของคุณหมอแต่ละท่านมาวิเคราะห์ว่าอะไรจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเรา”
“ทุกครั้งที่เปลี่ยนยา หมายถึงยาเดิมไม่ได้ผล ยาจะแพงขึ้น ยาจะแรงขึ้น จากสี่เดือนแรกที่อาการทรงตัวไม่ดีขึ้น พอเปลี่ยนยาสองเดือนผ่านมา อาการที่ปอดสงบและตรงอื่นไม่ลามแล้ว เตรียมปลูกถ่ายไขกระดูก แต่ไตเบนส์ข้างซ้ายที่เหลืออยู่ข้างเดียวไม่ค่อยชัดเจนตั้งแต่ตอนที่ เพทสแกน (คือการให้กรูโครสเข้าเส้นเลือดเพื่อหาตัวเชื้อมะเร็งว่ามีอยู่จุดไหนบ้างในร่างกาย) จึงต้องมาปรึกษาคุณหมอรังสีเพื่อทำการตรวจให้ชัดเจนว่ามีเนื้อร้ายอยู่มั้ย”
ไม่มีใครตอบได้ว่าเส้นทางการรักษาจะยาวไกลแค่ไหน แต่มันคือหน้าที่ของชีวิตที่ต้องสู้จนถึงที่สุด
“เราคิดว่าเราโชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ เราอยากจะมีความสุขในทุกวันเลย ไม่อยากมีความทุกข์ เรามองทุก ๆ วันเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ใช้ชีวิตกับคนที่เรารัก กับครอบครัว, กับเพื่อนที่รักเรา, กับแฟนที่ไม่คิดทิ้งไปไหน เป้าหมายความสุขจะเปลี่ยนไป ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะทำงานเก็บเงิน อยากจะรวย อยากซื้อนู่นซื้อนี่เต็มไปหมด ท้ายสุดแล้วสิ่งที่เราอยากได้จริง ๆ ก็คือ ความสุข พอปรับตัวได้ก็ได้ปรับใจ เลิกหงุดหงิดกับโรคและการรักษา ขอแค่พรุ่งนี้เราตื่นมาพบกับความสุข ไม่สำคัญว่ามะเร็งจะอยู่กับเราหรือหาย เมื่อเรามีความสุขจิตใจเราก็ดี ก็แฮปปี้แล้ว”
นี่ไม่ใช่การต่อสู้เพียงลำพังของใครคนหนึ่ง แต่สำหรับเบนซ์ เธออยากส่งต่อความคิดบวกไปยังทุกคน “สำหรับเพื่อนที่เป็นมะเร็ง เบนซ์อยากให้ตั้งสติให้ได้ มองหาวิธีดูแลตัวเอง อาหาร, ความสะอาด, อารมณ์, จิตใจ อยากให้ใช้ชีวิตเป็นปกติ ออกไปทำงาน เราสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมด้วยกันได้ มะเร็งคือโลกสีรุ้งของเบนซ์ ไม่จำเป็นต้องเฉพาะกับคนเป็นมะเร็งนะคะ ไม่ว่าคุณจะเสียใจหรือไม่ประสบความสำเร็จ ทุกคนมีสีในแต่ละวัน สัมผัสกับอารมณ์ของตนเอง มีโลกสีรุ้งให้แหงนมอง ขอแค่มีสติโลกของเราจะเริ่มมีสีสันขึ้นมาและหาความสุขให้เจอค่ะ”
เรื่อง&ภาพ: วรัญญู อุดมกาญจนานนท์
ภาพบางส่วน: อทิตา บุญประสิทธิ์