‘ความรัก’ ทุกคนมีสิ่งสวยงามนี้ในตัวเอง แต่จะสักกี่คนที่ได้พิสูจน์ให้เห็นหน้าตาของรักนั้น ศุภพัฒน์ แหลมทองมงคล หรือ ‘แมน’ อาศัยอยู่กับ คุณแม่วิไลลักษณ์ ขจิตสาร หรือ ‘แม่แหม่ม’ เพียงลำพังสองแม่ลูกมาตั้งแต่แมนอายุเพียง 5 ขวบ แล้วพบว่าคุณแม่แหม่มเป็นมะเร็งเมื่อปี 2560 และได้สูญเสียคุณแม่ไปเมื่อพฤศจิกายนปี 2561 แต่ก่อนหน้านั้น ทั้งแมนและคุณแม่เป็นกำลังใจให้กันและกันต่อสู้กับมะเร็งจนวินาทีสุดท้าย แมนเขียนเรื่องราวของตัวเองผ่านเฟสบุ๊คด้วย โดยใช้แฮชแท็ก #มะเร็งฤจะสู้มะม๊า เย็นวันหนึ่งเรามีโอกาสได้นั่งคุยกัน
“คุณแม่เป็นคนแข็งแรง ไม่เคยป่วยไข้หรือต้องเข้าโรงพยาบาล และเพราะแม่มีอาการด้านจิตเวชด้วยที่มักไม่ไว้ใจหมอ จึงไม่เคยพาไปตรวจสุขภาพเลย จนวันหนึ่งทางบริษัทมีโปรสุขภาพฟรี แมนเลยอ้อนพาคุณแม่ไปตรวจ พอไปตรวจก็แจ็คพอตแตก เพราะไปเจอค่าเลือด CEA ที่สูงกว่าปกติ แรกๆ คุณหมอยังคิดว่าอ่านผิด แต่ดูแล้วมันคือ 75 ซึ่งสูงมาก คนปกติจะอยู่ที่ 3 – 4 ไม่ควรเกิน 5 และเป็นตัวบ่งชี้ว่าเป็นมะเร็ง ตอนแรกก็ไม่ค่อยกล้ารับความจริงยังคิดว่าไม่เป็นไร ไม่กล้าไปตรวจแบบละเอียด”
แต่แล้วก็มีเหตุที่ทำให้แมนเปลี่ยนใจพาคุณแม่ไปหาหมอ
“คุณแม่ท้องผูกมาสองอาทิตย์ ให้ทานยาก็ไม่ถ่ายเลย มีอาการปวดหลังมากขึ้นด้วย พอพาไปหาหมอ หมอจับแอดมิดเลย แล้วก็พบมะเร็งขนาดสองเซ็นติเมตรที่ปอด วินาทีที่คุณหมอบอกว่าเป็นมะเร็ง เหมือนโลกถล่ม เกิดคำถามในหัวว่าทำไมถึงเป็นแม่ ทำไมต้องเกิดกับเรา พอตั้งสติได้ก็รู้ว่าการนั่งคิดแบบนั้นไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเลย สู้คิดดีกว่าว่าจะสู้กับโรคนี้อย่างไร จากนั้นทุกอย่างจะออกมาเป็นสเต็ป 1-2-3-4 อันไหนทำก่อนทำหลัง แผนการรักษาและการหาเงินมาเพื่อใช้จ่ายก็ตามมา”
เช่นเดียวกับทุกชีวิตที่เจอวิกฤต หลังจากตั้งเป้าหมายได้การต่อสู้ก็เริ่มต้นเดินไปข้างหน้า ไม่ใช่การคิดถอยหลัง
“พอเอาชิ้นเนื้อไปตรวจแล้วก็ช็อคอีกที่พบว่าคุณแม่เป็นมะเร็งขั้นที่ 4 ก็ถามหมอว่ากระบวนการรักษาจะมีโอกาสไปสู่จุดไหน คุณหมอก็พูดแค่ว่า…มีวิธีรับมือ ตกใจครับแต่ต้องปรับความคิดให้อยู่กับปัจจุบัน อย่าไปมองว่าอีกปีหนึ่งจะเป็นอย่างไรจะยังมีแม่อยู่ไหม คือถ้ามองแบบนั้นมีแต่จะบั่นทอนเรา”
หลังจากนั้น วิถีชีวิตของทั้งสองก็เปลี่ยนไป
“ชีวิตประจำวัน จากที่เคยคิดว่าแม่ดูแลตัวเองได้ ทีนี้ไม่ได้แล้ว กลายเป็นทุกวินาทีเราต้องมีเขา เราต้องให้เวลาแม่ให้มากที่สุด จากที่เคยเลิกงานแล้วไปเที่ยวกับเพื่อนก็กลับบ้านไปอยู่กับแม่ อาหารการกินต้องคอยปรับไม่ให้กินแบบที่คุ้นเคย จากที่ซื้อแช่แข็ง ฟาสต์ฟู้ด อาหารข้างทาง ก็เปลี่ยนเป็นอาหารสดใหม่ และดีที่สุดคือทำเอง”
“ผมไม่เคยทำอาหารมาก่อนเลยครับ แต่ยอมรับว่าในช่วงเวลานั้นเป็นเรื่องสนุก มีเรื่องได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันมากขึ้น มีหลายสูตรกับข้าวที่แม่สอนเราและช่วยให้ลืมความเครียดไปได้ มีอะไรให้คิด เช่นว่า วันนี้จะทำอะไรให้แม่กินดี หรือจะพาคุณแม่ไปในที่ท่านอยากไป อยากทำอะไรที่แม่นึกฝันแล้วเราทำได้ก็จะทำ”
การได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันนับเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด และสร้างความรู้สึกประทับใจให้คุณแม่ด้วยเช่นกัน
“มีครั้งหนึ่งผมพาคุณแม่ไปญี่ปุ่นซึ่งเป็นการตัดสินใจถูก พาไปในวันที่ท่านยังเดินไหวอยู่ ผมเห็นแววตาเป็นประกายใสปิ๊ง เห็นแม่มีรอยยิ้มอิ่มเอิบ แล้วก็เดินเหินได้เหมือนกับคนปกติ คุณแม่ดีใจที่เราพาไป ทำให้หัวใจเราพองฟู อีกเหตุการณ์หนึ่งก็คือพาแม่ไปร่วมกิจกรรมจัดสวนขวดของ Art For Cancer นี่แหละ แม่เป็นคนชอบดอกไม้และไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน แล้วก็เหมือนกันเราได้เห็นแววตาแบบนั้นกลับมาอีกครั้งเวลาที่แม่จัดสวนขวด ตอนนั่งรถกลับบ้าน แม่บอกว่า แมนเชื่อมั้ย แม่ลืมไปเลยว่าปวดหลังอยู่”
ในระหว่างที่ดูแลคุณแม่นั้น ความหวังและความสิ้นหวังก็มะรุมมะตุ้มตีกันอยู่ในหัวของแมนเช่นกัน แต่ด้วยการมีสติ มีหัวใจที่เข้มแข็ง และเต็มไปด้วยพลังบวก ก็ทำให้เขารับมือกับสถานการณ์และผ่านช่วงเวลานั้นไปได้ไม่ยากนัก
“เรามีความหวังในเวลาเดียวกันก็ต้องเผื่อใจไว้ว่าถ้าหากคุณแม่ต้องจากไปล่ะ เป็นทั้ง แองเจิ้ล กับ เดวิล ที่ตีกันตลอดเวลา คือเราทำให้ดีที่สุดเพื่อให้แม่หาย แต่ถ้าไม่หายก็ต้องทำใจยอมรับและมีชีวิตต่อไปได้”
“ทุกครั้งที่อาการคุณแม่ตก คือเริ่มจากเห็นอาการคุณแม่ดีขึ้นก่อน เราก็จะมีหวังเหมือนเห็นแสงสว่าง แต่สักวันสองวันก็มีอาการผิดปกติฉับพลันให้เห็น เช่น พูดไม่ได้ ปากเบี้ยว เหมือนใครมาผลักเราตกหน้าผา แต่ก็ต้องบอกตัวเองเรียกสติคืนมา เพราะหลังชนฝาแล้วต้องประคองอารมณ์ตัวเองด้วย ทำอย่างไรไม่ให้เครียดหนักเพราะเป็นจุดที่ดาวน์มาก เสียใจมาก เราต้องหาคนระบาย ซึ่งยอมรับว่าเพื่อนที่ดีช่วยได้มาก คืออย่าอยู่คนเดียวอ่ะครับ”
“เราต้องให้กำลังใจตัวเองเยอะ ๆ อย่าไปจมกับปัญหา ต้องคิดว่าเราไม่ได้มีลมหายใจเดียว เรากำลังประคองลมหายใจของคนที่เรารักอยู่ เพราะอย่างนั้นตัวเราห้ามทรุด ต้องแข็งแรงก่อนไม่อย่างนั้นเราจะไม่มีกำลังส่งไปให้คนอื่นเลย หาแรงบันดาลใจไม่ว่าจะฟังเพลงที่ชอบหรือหาเวลาไปดูหนังบ้าง กินอาหารอร่อยๆ สักมื้อแล้วกลับมาสู้ใหม่”
“อย่าเก็บปัญหาไว้คนเดียว บางครั้งเราก็ยังเป็นประโยชน์กับเพื่อนที่เขาเพิ่งเจอปัญหา เราแนะนำเขาได้จนเมื่อเขาดีขึ้น มันสะท้อนกลับมาสร้างพลังให้เราอีกเป็นสองสามเท่า ทำให้เรามีกำลังใจไปดูแลแม่ต่อ”
“วันหนึ่งแม่ลุกขึ้นมาพูดได้เหมือนคนปกติ แล้วบอกกับเราว่า แมนเก่งมากนะ ขอบคุณนะที่ดูแลแม่ขนาดนี้ แม่จะพยายามหาย”
แมนฝากบอกทุกคนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันด้วยว่า ทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะได้ไม่ต้องกลับมาเสียใจทีหลังเมื่อเวลาคนที่รักจากไปแล้วว่า ทำไมไม่ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ เพราะถึงตอนนั้นเราทำอะไรไม่ได้อีกเลย
เรื่อง&ภาพ: วรัญญู อุดมกาญจนานนท์
ภาพบางส่วน: ศุภพัฒน์ แหลมทองมงคล